วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

กิจกรรมและประชุมประจำเดือน พฤศจิกายน 2568

 

เมื่อวันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน​ 2568  Clubstation The DXer (สัญญาณเรียกขาน E20AE​) จัดกิจกรรมประจำเดือน​เหมือนเช่นเคย ลองมาดูว่าคราวนี้เราทำอะไรเล่นกันบ้าง:

  • เราทดลองวัดค่าความต้านทานเฉพาะตัว และ ความเร็วคลื่นในสายนำสัญญาณ
  • แนะนำ Ugly Balun การวัดค่า Self Resonance Frequency การวัดกระแสโหมดร่วม และผลของการใส่-ไม่ใส่ Ugly balun กับสายอากาศที่ unbalanced เอามากๆ 
  • อธิบายภาพรวม ของระบบ Digital และการตั้งค่าต่างๆ ของระบบ ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน 
  • สร้างสายอากาศ HF ด้วยหม้อแปลงความถี่สูงแบบ 9:1
  • อธิบาย ที่มา การอ่าน การใช้งานสมิทชาร์ทและอรรถประโยชน์ของมัน

คลับสเตชั่น The DXER ได้รับอนุญาตจาก กสทช. ให้ใช้สัญญาณเรียกขาน E20AE  มีกิจกรรมดีๆ ให้กับเพื่อนๆ ที่สนใจเสมอมา ในคราวต่อไปอย่าลืมวางแผนจัดเวลาไว้มาร่วมกิจกรรมกับเรานะครับ


ต้นแบบของหม้อแปลงความถี่สูงแบบ 9:1 สำหรับต่อสายไฟแบบ Random Wire (ก็คือความยาวใดก็ได้ - ถ้าจะว่ากันจริงๆ ก็คือมีบางความยาวที่ควรเลี่ยงเหมือนกันนะ ต้องระวัง) เพื่อเป็นสายอากาศสำหรับความถี่ย่าน HF และสามารถใช้ได้หลาย Band ผ่านการจูนด้วย ATU หรือ Antenna Tuning Unit นั่นเอง

อ.ตี๋ E24MTA ลงมือพันขดลวดลงบนแกนเฟอร์ไร้ท์ mat.43 เองเลย

พัน 3 ขดแยกกัน แล้วบัดกรีให้เป็นวงจรภายหลัง อัตรารอบ 3:1 ทำให้ได้อัตราการแปลงอิมพิแดนซ์ 3²:1 หรือ 9:1 นั่นเอง

Soldering Flux หรือ Paste มีหลายแบบ สีขาวมีความเป็นกรดน้อยมาก ไปจนสีแดงมีความเป็นกรดมาก เมื่อบัดกรีเสร็จแล้วต้องล้างทำความสะอาดให้ดีไม่อย่างนั้นกรดที่เหลืออาจจะกัดลายวงจรได้

อ.อ๊อด (HS0DJU) ทดลองวัดกระแส common mode ที่เกิดจากการป้อนกำลังให้สายอากาศแบบ Dipole รวมทั้งทดสอบการนำสายอากาศเข้าใกล้โลหะ เพื่อดูว่ามีผลต่อกระแส common mode หรือไม่อย่างไร

“สายนำสัญญาณ” มีทฤษฎีเฉพาะต่างหาก (คนละทฤษฎีกับของ “สายอากาศ” เมื่อคลื่นวิ่งในสายนำสัญญาณ สิ่งที่เคลื่อนที่ในสายนำสัญญาณไม่ใช่ไฟฟ้ากระแสที่ไหลครบรอบวงจร แต่เป็น “คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีโลหะของสายนำสัญญาณให้มันเกาะไปง่ายขึ้น” (เหมือนมีท่อให้น้ำไหล แทนการสาดน้ำไปทั่ว) และครบรอบตัวเองในระยะสั้นๆ ตลอดความยาวของสายลำสัญญาณ และเหนี่ยวนำไปเรื่อยๆ

เมื่อคลื่นเดินทางถึงรอยต่อของตัวกลางที่มีความต้านทานเฉพาะตัว (Z₀ : characteristic impedance) ไม่เท่ากันก็จะเกิดการสะท้อน โดยส่วนหนึ่งอาจเดินทางต่อไปข้างหน้า (ยกเว้นรอยต่อเปิดหรือลัดวงจร แบบนั้นจะสะท้อนกลับทั้งหมด) เมื่อคลื่นที่สะท้อนสวนทางกลับไปยังแหล่งจ่ายกำลังรวมกับคลื่นที่เดินทางไปข้างหน้าจะเกิดคลื่นนิ่ง (Standing Wave - เป็นที่มาของ SWR หรือ Standing Wave Ratio) ในสายนำสัญญาณนั่นเอง อ.อ๊อด (HS0DJU) อธิบายเรื่องนี้อย่างละเอียดให้เพื่อนได้ฟัง 

ว่าต่อกันที่หน้าตาสมิทชาร์ทและการใช้งานเบื้องต้น
- สมิทชาร์ทมีที่มาจากทฤษฎีสายนำสัญญาณ (ไม่เกี่ยวกับสายอากาศเลยสักนิดเดียว)
- สมิทชาร์ทคือวงกลม 1 หน่วย
- แสดงค่าของ Г (แกมม่า หรือ “สัมประสิทธิการสะท้อนกลับ” ถ้าเขียนในรูปเวคเตอร์จะเป็น |Г|∠θ)
- เรารู้ Г ได้จากหลายวิธี ทั้งคำนวณ หรือ หาตรงๆ จากการกำหนดจุดลงบนสมิทชาร์ท!
- แสดงค่าของ normalized impedance - admittance
- และทำให้รู้ SWR เพียงแค่ชำเลืองมองด้วยสายตา
และอื่นๆ มากมาย ว่ากันแบบยิบๆ ฝุ่นๆ เลยจ้า




เจาะลึกไปจนถึง ที่มาของมัน และ การใช้งานในการแมทช์อิมพิแดนซ์ โดยมีว่าที่คุณครูภูมิ (E24VRK) มาช่วยแนะนำเพื่อนๆ ด้วย

อ.อ๊อด เตรียมสายอากาศที่หากใช้งานโดยไม่รู้ไม่ระวัง จะมีกระแสโหมดร่วม (common mode current) จำนวนมากไหลที่ด้านนอกของส่วนชีลด์ของสายนำสัญญาณแบบ coaxial มาให้ทดสอบวัดกระแสโหมดร่วม (common mode current) ที่เกิดขึ้น และทดลองลดกระแสนี้โดยการใส่โช้ค Ugly Balun ซึ่งเป็น Balun แบบกระแส (current balun) อย่างหนึ่งและวัดผลที่ได้

ของง่ายๆ มีประโยขน์ แต่ต้องทำถูกต้อง คุณนัท (E25XTL) ขับรถมาจาก จ.ระยอง มาเล่นกับเรา ขากลับรถจะต้องหนักท้ายห้อยๆ หน่อยแน่นอนเพราะขนความรู้กลับไปเยอะมากๆ เลย

วัดกระแสโหมดร่วม (common mode current) ด้วยเครื่องวัดแบบง่ายๆ (RF current probe) ที่สร้างขึ้นเองแต่มีประสิทธิภาพดี


ไว้เราทำกิจกรรม DIY Ugly Balun Choke ให้เพื่อนๆ ได้สร้างและนำกลับไปใช้งานที่บ้านกันน่าจะดีครับ

กิจกรรมในคราวนี้ก็ลุล่วงไปได้ด้วยดี 
ไว้พบกันใหม่ในเดือนต่อๆ นะครับ 
73 DE E20AE