From the Smith Chart to the zy-Chart: A More Intuitive Immittance to Reflection Coefficient Mapping
โดย จิตรยุทธ จุณณะภาต (HS0DJU)
หมายเหตุ: บทความนี้สงวนลิขสิทธิ์โดยผู้เขียน (โปรดดูรายละเอียดด้านล่างสุด)
เรื่องนี้อาจจะถือเป็นควันหลงจากบทความเรื่อง ทำไมสมิทชาร์ทถึงใช้แมทช์อิมพิแดนซ์ได้: ผลพลอยได้ที่ซ่อนอยู่จากทฤษฎีสายนำสัญญาณ ที่เคยเขียนไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งพูดถึงสมิทชาร์ทแบบ zy-chart ว่าใช้แมทช์อิมพิแดนซ์ได้อย่างไร แต่ได้ละส่วนสำคัญหนึ่งไว้ (ในฐานที่น่าจะเข้าใจ) ในจุดที่ว่ามันเป็นชาร์ทแบบ zy-chart หรือจะเรียกว่าสมิทชาร์ทที่ถูกดัดแปลงมาแล้วเล็กน้อย
ต้องบอกเพื่อนๆ นักวิทยุสมัครเล่นไว้นิดหนึ่งว่าบทความนี้ค่อนข้างเป็นคณิตศาสตร์ (เวคเตอร์, จำนวนเชิงซ้อน, พิกัดฉากเชิงซ้อน, และพิกัดวงกลม) สักหน่อย แต่เป็นจุดสำคัญที่ผู้เขียนอยากเขียนไว้ให้ได้ศึกษากัน ตำราหลายเล่มอธิบายเรื่องนี้แต่ด้วยขั้นตอนวิธีการต่างกัน บางทีการอธิบายตามด้านล่างนี้อาจทำให้บางคนเข้าใจได้ดีกว่าการอธิบายแบบอื่นก็ได้ ซึ่งก็ย่อมเป็นประโยชน์กับผู้อ่านนั่นเอง
สมิทชาร์ทมาตรฐาน (z-chart เท่านั้น)
ถ้าเราดูสมิทชาร์ทมาตรฐาน จะเห็นว่าเป็น z-chart ( ZL/Z0 = z = r + jx ; z, r, x เป็นอักษรตัวเล็ก แสดงถึงการ normalized คือเทียบกับหรือถูกหารด้วย Z0 นั่นเอง) นั่นคือเส้นต่างๆ บนชาร์ทประกอบไปด้วยเส้น normalized-resistance (r), normalized-reactance (x) ซึ่งประกอบกันเป็น normalized-impedance (z) หรือค่าที่เทียบกับ Z0 มาแล้ว (ดูรูปที่ 1)
จะเป็น z-chart โดยตัวเลขทั้งหมด
บนชาร์ทเป็นค่า normalized คือ
เทียบกับ Z0 ของระบบ
โดย (ทวนความจำสักนิด)
ZL = RL + jXL : Impedance ของโหลด L หน่วย Ω
XL : Resistance ของโหลด L หน่วย Ω
XL : Reactance ของโหลด L หน่วย Ω
z = ZL / Z0 ; z ไม่มีหน่วย เป็น normalized impedance ของโหลดเทียบกับ Z0
Z0 เป็น Characteristic Impedance ของสายนำสัญญาณ เช่น 50 Ω
z = r + jx ไม่มีหน่วย
r : Normalized resistance ไม่มีหน่วย
x : Normalized reactance ไม่มีหน่วย
ถ้าเราดูสมิทชาร์ทให้ละเอียดขึ้น เราจะเห็นชุดของเส้นวงกลม r คงที่ โดยวงใหญ่สุดคือ r=0 วงเล็กสุดคือ r=∞ และเส้นโค้ง x คงที่ต่างๆ (x=0 คือเส้นแนวนอนผ่านกลางวงกลมพอดี โดยครึ่งล่างของวงกลมคือ x<0 หรือเป็นความจุไฟฟ้า และครึ่งบนของวงกลมคือ x>0 หรือเป็นความเหนี่ยวนำไฟฟ้า) แสดงได้คร่าวๆ เป็นตามรูปที่ 2
ของเส้นต่างๆ บนสมิทชาร์ท
กับการแมทช์อิมพิแดนซ์กว่า z-chart
จะเห็นว่ามีชุดของเส้นสีฟ้าด้วยซึ่งเป็น
y-chart (ที่ถูกหมุนไป 180ᴼ)
แล้วซ้อนทับลงไปบน z-chart อีกที
เราย้อนกลับไปดูสมิทชาร์ทแบบ z-chart ธรรมดาก่อนซึ่งเป็น Γ-plane (แกมม่าเพลน) หรือวงกลมสัมประสิทธิการสะท้อนกลับ (เมื่อคลื่นเดินทางผ่านตัวกลางที่มีอิมพิแดนซ์เฉพาะตัวไม่เท่ากัน) เช่น เมื่อต่อสายนำสัญญาณที่มีอิมพิแดนซ์เฉพาะตัว Z0 เข้ากับโหลด (เช่น สายอากาศ) ที่มีอิมพิแดนซ์ ZL จะหา Γ ได้เป็น
ГL = (ZL - Z0) / (ZL + Z0) ----(1)
อย่าลืมว่าทั้ง ZL และ Z0 สามารถเป็นจำนวนเชิงซ้อนได้ (แม้ว่าเรามักจะประมาณว่า Z0 = 50 + j0 Ω ก็ตาม) ดังนั้นต้อง บวก ลบ คูณ หาร กันแบบจำนวนเชิงซ้อน นั่นคือ ГL เป็นจำนวนเชิงซ้อนด้วย โดยตัวอักษร L ที่ห้อยอยู่หมายถึงสัมประสิทธิการสะท้อนกลับ ณ จุดต่อเชื่อมระหว่างสายนำสัญญาณกับโหลด L
ในการใช้งานสมิทชาร์ทจริงๆ เรามักไม่คำนวณตามสมการ (1) แต่หา z = ZL/Z0 = r + jx จากนั้นหาจุดตัดของ r และ x บนสมิทชาร์ท ก็จะได้ตำแหน่งของ Г โดยไม่ต้องหารจำนวนเชิงซ้อน แถมสมการ (1) ยังให้ผลเป็นพิกัดฉากอีกในขณะที่ถ้าเรามองสมิทชาร์ทเป็นพิกัดทรงกลมจะดูเป็นธรรมชาติกว่า
หารสมการ (1) ด้วย Z0 ทั้งข้างบนและข้างล่าง ได้
ГL = (zL - 1) / (zL + 1) ----(2)
เพราะ zL = ZL / Z0 ; zL เป็น normalized impedance ของโหลดเทียบกับ Z0
(สังเกตดูดีๆ นะครับว่าตัวอักษร Z ตัวใหญ่และ z ตัวเล็กมีความหมายต่างกัน
โดยที่ขนาดของสัมประสิทธิการสะท้อนกลับ ГL จะอยู่ระหว่าง 0 และ 1 เท่านั้น
0 ≤ | ГL | ≤ 1
เรารู้ว่า
YL = 1 / ZL ; YL เป็นแอดมิตแตนซ์ของโหลด (หน่วย ℧ หรือ siemens หรือ mho)
Y0 = 1 / Z0 ; Y0 เป็นแอดมิตแตนซ์เฉพาะตัวของสายนำสัญญาณ (สำหรับสาย Z0 = 50 Ω, Y0 = 0.02 ℧)
โดยที่
Y = G + jB หน่วย ℧
G : Conductance หน่วย ℧
B : Susceptance หน่วย ℧
y = Y / Y0 : Normalized Admittance
y = g + jb ไม่มีหน่วย
g : Normalized-conductace ไม่มีหน่วย
b : Normalized-susceptance ไม่ม่หน่วย
จึงเขียนสมการ (1) ใหม่ได้เป็น
ГL = [ 1/YL - 1/Y0 ] / [ 1/YL + 1/Y0 ]
จัดสมการใหม่ได้เป็น
ГL = [ (Y0 - YL) / (Y0 YL) ] / [ (Y0 + YL) / (Y0 YL) ]
ГL = (Y0 - YL) / (Y0 + YL)
คูณด้านขวาด้วย -1 ทั้งด้านบนและด้านล่าง
ГL = (-Y0 + YL) / (-Y0 - YL)
ГL = (+YL - Y0) / (-YL - Y0)
ГL = (YL - Y0) / -1 (YL + Y0)
ГL = -1 [(YL - Y0) / (YL + Y0) ----(3)
และเรารู้ว่า
yL = YL / Y0 ซึ่งเป็น normalized admittance เป็นจำนวนเชิงซ้อน
yL = gL + j bL
ดังนั้นเขียน (3) ใหม่ได้เป็น
ГL = -1 [ (yL - 1) / (yL + 1) ] ----(4)
มาถึงตรงนี้ดูตรงไปตรงมานะครับ ไม่มีอะไรแปลกนัก แต่ความหมายของสมการ (4) ก็คือ เราสามารถหา ГL ได้จาก yL ด้วย (แม้มันจะดูมีตัวคูณ -1 อยู่ด้วยก็ตาม)
ในสมการ (5) ถ้าเราเรียก
(yL - 1) / (yL + 1) = ГLy -----(5)
โดย ГLy เป็นสัมประสิทธิการสะท้อนกลับที่หาจาก y (โดยที่ y = 1/z = g + jb)
นั่นคือถ้าเราดูรูปที่ 2 โดยมองวงกลม r ในภาพเป็นวงกลม g และมองเส้นโค้ง x ในภาพเป็นเส้นโค้ง b เสีย นั่นคือ y-chart ของเรา และจุดตัด g และ b จะทำให้ได้ ГLy ง่ายๆ แบบนั้นเลย
จากสมการ (4) และ (5) จะเห็นว่า
ГL = - ГLy ---(6)
ГLy เป็นสัมประสิทธิการสะท้อนกลับที่คำนวณจาก normalized admittance (yL)
ในขณะที่ ГL เป็นสัมประสิทธิการสะท้อนกลับที่คำนวณจาก normalized impedance (zL)
เปรียบเทียบสมการ (2) และ (4) และดูสมการ (6) จะเห็นว่า การคำนวณหาสัมประสิทธิการสะท้อนกลับจาก normalized impedance (zL) กับคำนวณจาก normalized admittance (yL) จะได้ค่าเป็น negative ซึ่งกันและกันซึ่งเราต้องทำความเข้าใจต่อว่าบอกอะไรเรา เรารู้ว่า Г เป็นสัมประสิทธิการสะท้อนกลับเป็นเวคเตอร์ที่อยู่บนวงกลมหนึ่งหน่วย
และเขียนในรูป Polar ได้เป็น
Г = |Г|∠θ ; เมื่อ |Г| เป็นขนาด และ θ เป็นมุม
แต่ในขณะเดียวกัน
Г = Re(Г) + j Im(Г) ด้วยในรูป Rectangular
และการที่ค่าเป็น negative หรือติดลบ (มี -1 คูณอยู่) นั้นในรูป Polar คือการที่ Re(Г) และ Im(Г) กลับเครื่องหมายพร้อมกัน และในรูป Polar คือการที่ Г ถูกหมุนเพิ่มเข้าไป 180° อธิบายได้ตามด้านล่าง:
สมมติ Гa = |Гa|∠θa
ถ้า Гb = - Гa
Гb จะ = |Гa|∠θa + 180° -----(7)
(ในการทำงานกับ Smithchart การมองในรูป Polar จะสะดวกกว่า)
สมการ (6) และ (7) จึงบอกเราว่าสัมประสิทธิการสะท้อนกลับ Г ที่หาจาก normalized impedance (zL) และ ГLy ที่หาจาก normalized admittance (yL) จะมีค่าเท่ากันถ้า Г ถูกหมุนไป 180° หรือจะให้ชีวิตง่ายกว่านั้นก็คือหมุน y-chart หรือ z-chart (อันใดอันหนึ่ง) ไป 180° รอไว้ก่อนเลย! โดยปกติเราก็เลือกให้ z-chart อยู่เฉยๆ แล้วหมุน y-chart ไป 180° เมื่อจับทั้งสองแผนภูมิซ้อนทับกัน (superimposed) ก็จะได้ zy-chart แบบที่เราใช้อยู่ในปัจจุบันนั่นเอง
รูป (a) คือ y-chart จริงๆ ที่ถ้าเราหาจุด
y = g + jb บนชาร์ทจะได้ ГLy แต่
ตำแหน่งของ ГLy จะเป็น - ГL
ที่มีความหมายว่าถูกหมุนไป 180°
รูป (b) เมื่อหมุน y-chart เดิมไป 180°
จะได้ Г ที่หาจาก z และ y เท่ากัน
สรุป
ด้วยความที่เราสามารถซ้อนทับ y-chart ลงบน z-chart ได้ และทุกจุดบนสมิทชาร์ทแสดงค่าของ z และ y ที่สอดคล้องกัน ซ้ำยังมีเส้น r, x, g, b คงที่ต่างๆ อีก ทำให้เห็นผลการต่อตัวเหนี่ยวนำ L และตัวเก็บประจุ C ทั้งแบบขนานและอนุกรมตามการเปลี่ยนแปลงของ x และ b รวมได้แบบแผนภาพ สุดท้ายก็คือทำให้เราแมทช์อิมพิแดนซ์ได้ง่ายนั่นเอง
© 2025 จิตรยุทธ จุณณะภาต สงวนลิขสิทธิ
อนุญาตให้เผยแพร่เพื่อการศึกษาไม่แสวงหากำไร โดยต้องให้เครดิตผู้เขียน ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือใช้ในเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาต


