วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2564

การติดตั้ง DVSwitch (ตอนที่ 2)

โดย สิปปภาส นิพนธ์กิจ (E24MTA)
จิตรยุทธ จุณณะภาต (HS0DJU) บรรณาธิการ

เราได้พูดถึง DVSwitch ที่ใช้ Raspberry Pi เป็น ฮาร์ดแวร์หลักในการทำงานในบทความก่อนหน้านี้ (แนะนำโปรแกรม DVSwitch (ตอนที่ 1)) ซึ่งจริงๆ แล้ว DVSwitch สามารถติดตั้งบนเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือ เซิร์ฟเวอร์ปกติที่เป็น Intel CPU Base ได้ และทั้งยังสามารถติดตั้งบน Raspberry Pi ที่เป็น ARM CPU Base ระบบปฏิบัติการ Raspberry Pi OS (32 bit) ได้ด้วยเช่นกัน

การติดตั้งสามารถทำได้ทั้งการนำไฟล์ Image ที่ Pre-Install มาแล้วมา Burn ใส่ Micro SD Card (ทราบมาว่า อ.เกษม (HS9AWO) ท่านได้กรุณาทำเผยแพร่ เสียดายที่ Link ที่ผู้เขียนได้รับมาใช้งานไม่ได้แล้วในเวลานี้ หรือโดยการติดตั้งเองบน Raspberry Pi ที่ลง OS เสร็จมาใหม่ๆ สำหรับผู้อ่านที่เลือกวิธีแรก การนำไฟล์ Image ที่ Pre-Install มาแล้วมา Burn ใส่ Micro SD Card ให้ข้ามไปอ่านหัวข้อ "การตั้งค่า DVSwitch" ได้เลย

การติดตั้งเองบน  Raspberry Pi OS

ตรวจสอบว่ามีอัพเดทหรือไม่ 

ทำการอัพเกรดส่วนที่มีการอัพเดท

เข้าโฟลเดอร์ /tmp

ดาวน์โหลดไฟล์ buster

 เปลี่ยนโหมด ไฟล์ให้สามารถรันได้

รันไฟล์ buster

ติดตั้ง DVSwitch Server

Text command ด้านล่างสำหรับท่านที่ต้องการ copy & Paste

sudo apt update
sudo apt upgrade
cd /tmp
wget http://dvswitch.org/buster
chmod +x buster
sudo ./buster
sudo apt-get install dvswitch-server

หลังจากติดตั้งเสร็จให้ Restart Raspberry Pi ไปยังขั้นตอนการตั้งค่า DVSwitch

การตั้งค่า DVSwitch

ในขั้นตอนนี้ขอให้ตรวจสอบขนาด Partition ของ Raspberry Pi อีกครั้งหนึ่งหรือใช้วิธีขยาย Partition ไปเลยก็ได้ โดยเฉพาะท่านที่ใช้วิธี Burn Image

raspi-config ที่เราใช้กันบ่อยๆ


เลือก Advanced Options


เลือก Expand Filesystem (ขยาย FileSystem)

 
เสร็จเรียบร้อย OK และ ออกจาก raspi-config ระบบจะให้ Restart

ทำการตั้งค่า DVSwitch Server โดยเข้าเมนูจาก คำสั่ง
$dvs


จะเข้าสู่เมนูดังรูปด้านล่าง
เริ่มกันที่เมนู 01 Initial Configuration โดยเตรียมข้อมูล Dstar และ DMR-ID จากนั้นเริ่มกันเลย


ตอบ Yes


ใส่ Callsign


ใส่ DMR ID

ขั้นตอนนี้ระบบจะใส่ DMR ID+11 มาให้ ให้ OK ผ่านเลย


สมมุติว่าต่อไปมี RF Module เลือก C สำหรับ VHF


NXDN ยังไม่ได้ใช้งาน OK ผ่าน


เลือก Port สำหรับ ให้ DVSwitch Mobile บน Android เชื่อมต่อ เลือกมา 1 ค่าใน range 50000-55000 แล้วบันทึกไว้ จากนั้น Ok


เลือก BM Server สำหรับ DMR ที่ใกล้ไทยมากที่สุดคือ 34 BM_Malaysia_5021 จากนั้น OK


Password ตรงนี้ปล่อยผ่าน


ตรงนี้เลือก Hardware Vocoder ซึ่งกล่าวรายละเอียดไปในบทก่อนหน้านี้แล้ว หากต้องการคุณภาพเสียงดีในผู้รับฟังปลายทางในระบบ Dstar ให้ใช้ Hardware ข้อ 1-3 หากไม่มีจริงๆก็ข้อ 4 ยังรับฟังคู่สนทนาชัดเจน แต่คู่สนทนาจะรัฟังเสียงเราไม่ใสในระบบ Dstar ส่วน DMR และ YSF ชัดเจน ผู้เขียนเลือก ข้อ 4 จากนั้น OK


สิ้นสุดเมนู 01 Initial Configuration ตอบ Yes


ระบบ initial configuration


OK


เข้าเมนู 02 Advanced Configuration


เข้าเมนู 21 Configure other Stanzas


เตรียมข้อมูลแล้วเริ่ม Yes


สมมุติว่าต่อไปมี RF Module ใส่ความถี่ของ Digital Voice รอไว้ RX 145.5500MHz


ใส่ความถี่ของ Digital Voice TX รอไว้ 145.5500MHz


สมมุติกำลังส่ง 1 Watt


ใส่ Latitude ของสถานีที่บ้าน


ใส่ Longitude ของสถานีที่บ้าน

ความสูงสายอากาศ


ใส่ Location ข้อมูลตรงนี้จะไปปรากฏที่ Reflector Dash Board   

คำอธิบายสถานีคร่าวๆ


Link บน QRZ กรณีเราสร้างฐานข้อมูลสัญญษเรียกขานเราบน QRZ.COM แล้ว ตรงนี้ในหน้า Reflector Dash board จะอ้างอิงส่วนนี้

เสร็จแล้ว เมนู 21


เลือก เมนู 22 สร้างเมนูลัดให้โปรแกรม DVSwitch Mobile เพื่อง่ายต่อการเปลี่ยนช่อง


สร้างเมนูลัด DMR


ป้อนค่าตามนี้ ใครอยากเพิ่ม TG ไหนใส่เลยตามรูปแบบ


ป้อนค่าตามนี้ ใครอยากเพิ่ม TG ไหนใส่เลยตามรูปแบบ


ยืนยันชื่อไฟล์เดิม กด Enter


เมนูลัด DSTAR


ป้อนค่าตามรูปแบบ เหมือเดิม ชอบช่องไหนเติมได้เลย


ส่งค่าไปยัง DVSwitch Mobile โดยเปิดโปรแกรม DVSwitch Mobile อยู่


ระบบจะบอกว่าถ้า มีการ Push ค่าใส่ DVSwitch Mobile สำเร็จ จะมีข้อความ …. Success บนหน้าจอ smartphone คล้ายรูปด้านล่าง  ตอบ Yes เพื่อดำเนินการ

รอ


หากสำเร็จที่หน้าจอ DVSwitch Mobile จะมีข้อความด้านล่าง File Transfer:rx file: success


ตอบ OK สิ้นสุด เมนู 22


เข้าเมนู 23 สร้าง AdHocMenu&Macro เพื่อส่งคำสั่งไปยัง DVSwitch Server จาก DVSwitch Mobile


มากันดื้อๆ ข้อ 8 กด Enter


กด OK จบ


การตั้งค่า DVSwitch Mobile

1. Download  DVSwitch Mobile จาก Play Store
2. ติดตั้ง และเปิดโปรแกรม
3. เข้าเมนู Config เลื่อนไปด้านล่างสุด เพื่อซื้อโปรแกรม ราคาประมาณ 2-3USD เพื่อให้เราสามารถใช้งาน DVSwitch Server ได้
4. ปิด เปิด โปรแกรม DVSwitch Mobile หลังจากสั่งซื้อ
5. ตั้งค่า เข้ากับ DVSwitch Server ตามรูป
6. เข้าไปที่ Account เลือกที่ บรรทัดแรก เพื่อตั้งค่า



เลือก Protocol : USRP
Hostname: IP ของ DVSwitch Server
Port: ค่าที่เราตั้งและบันทึกไว้ ตอนทำเมนู 01


ใส่ DMR ID ปรับแต่งเสียง จะกลัมาแต่งทีหลังก็ได้ Save



หลังจาก Save หากระบบ เชื่อมต่อได้จะขึ้น REG:OK
7. เข้าหน้าหลัก 


8. กดปุ่ม A ค้างจะให้เราเลือกโหมด DSTAR DMR YSF


9. กด B ค้างเลือก Reflector หรือ TG


10. กด * ค้างเป็น MacroMenu ปรับ Audio Gain ตรงนี้เพื่อปรับค่า Mic ไม่ให้เสียง Over-modulated หรือ บวม



มอนิเตอร์ DVSwitch Server

หลังจากการติดตั้ง DVSwitch Server เสร็จเรียบร้อย เราสามารถเข้า มอนิเตอร์หลังการติดตั้งได้ผ่าน Web Browser ผ่าน http://<ip address> เช่น http://192.168.1.99 ดังตัวอย่าง


หน้านี้จะแสดงสถานะ Mode ของการเชื่อมต่อ เช่น DSTAR DMR หรือ YSF รวมถึง Reflector หรือ Talk Group บันทึกรายการการสนทนาในช่องที่เราเชื่อมต่อ ในด้านล่างเป็นสถานะของ DVSwitch Server เช่น IP Address, Kernel Rel. , Model, Disk Used, CPU Load และอุณหภูมิของ Raspberry Pi

ส่วนด้านบนมี ปุ่ม RX Monitor สามารถคลิ๊กเพื่อรับฟังการสนทนา ของช่องที่เราเชื่อมต่อโดยใช้ DVSwitch Mobile ทั้งนี้การที่จะรับฟังได้ขึ้นอยู่กับชนิดของ Web Browser และการรองรับระบบเสียงของเครื่องที่เราใช้ Web Browser

ในตาราง Gateway Activity จะปรากฏ Call Sign ของผู้ที่สนทนา รวมถึงรายละเอียดเวลาในการสนทนา Packet Loss ของการสนทนา ซึ่งจะแปรผกผันกับคุณภาพเสียงการสนทนา คือถ้า Loss หรือมีการสูญเสียข้อมูลมาก คุณภาพก็จะแย่ หรือเสียงขาดหาย

ก็จบบทความเรื่อง DVSwitch ไว้เพียงเท่านี้ หวังว่าเพื่อนๆ จะได้ความรู้รวมทั้งนำไปทดสอบทดลองติดตั้งใช้งานกัน ขอบคุณที่ติดตามครับ


อ้างอิง
https://dvswitch.groups.io/g/main/topic/69407946