ส่วนประกอบสำคัญหนึ่งในระบบวิทยุสื่อสารก็คือสายนำสัญญาณ สายนำสัญญาณมีหน้าที่นำสัญญาณไฟฟ้า ระหว่างสายอากาศกับเครื่องรับส่งวิทยุ รวมไปถึงเชื่อมโยงสัญญาณระหว่างอุปกรณ์วิทยุสื่อสารต่างๆ เข้าด้วยกัน สิ่งที่อยู่ในสายน้ำสัญญาณก็คือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่มีศักดาและกระแสไฟฟ้าอยู่บนตัวนำที่ใช้ทำสายนำสัญญาณนั้น ขณะที่คลื่นเคลื่อนที่ไปบนสายนำสัญญาณที่มีตัวกลางระหว่างตัวนำเป็นฉนวนต่างๆ จะมีการสูญเสียกำลังเกิดขึ้น (ขนาดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเคลื่อนที่ไปในอากาศก็ยังมีการสูญเสียกำลังที่เรียกว่า free space loss)
ทำไมมีการสูญเสียกำลังในสายนำสัญญาณ
ในสายนำสัญญาณชนิดหนึ่งหนึ่งหรือเส้นหนึ่งหนึ่งจะมีการสูญเสียกำลังเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ เช่น
- การสูญเสียเนื่องจากความต้านทานทางไฟฟ้าที่ใช้ทำสายนำสัญญาณนั้น (ซึ่งแบ่งออกเป็นความต้านทานทางไฟฟ้าของส่วนที่เป็นปลอกด้านนอกและที่เป็นแกนกลางของสายนำสัญญาณ)
- การสูญเสียเนื่องจากคุณสมบัติทางกายภาพ (physics) ของฉนวนระหว่างตัวนำในสายนำสัญญาณ
ภาพที่ 1 การสูญเสียในสายนำสัญญาณ
(α อ่านว่า แอลฟ่า, alpha) แบบ
แกนร่วม (coaxial cable) ประกอบ
ไปด้วยการสูญเสียที่เกิดจากส่วนต่างๆ
วิเคราะห์การสูญเสียให้ลึกขึ้น
- การสูญเสียจากตัวนำ
ภาพที่ 2 เมื่อเกิด Skin Effect พื้นที่
หน้าตัดที่กระแสไฟฟ้าวิ่งได้ที่แกนกลาง
(สีน้ำเงิน) จะน้อยกว่าที่ปลอกหรือชีลด์
(สีแดง) ของสายนำสัญญาณแบบแกนร่วม
- การสูญเสียจากฉนวน
ภาพรวมของการสูญเสียในสายนำสัญญาณ
จากองค์ประกอบต่างๆ ทำให้เราพอจะสรุปนิสัยใจคอของการสูญเสียในสายนำสัญญาณได้ว่า
- เมื่อความถี่สูงขึ้นการสูญเสียในสายนำสัญญาณจะสูงขึ้นตามไปด้วย (ซึ่งก็เหมือนกับการสูญเสียในอากาศหรือ free space ที่เมื่อความถี่สูงขึ้นการสูญเสียจะมากขึ้น)
- สายนำสัญญาณที่มีขนาดใหญ่กว่า มีลวดตัวนำขนาดใหญ่ มักจะมีการสูญเสียน้อยกว่าสายนำสัญญาณที่มีขนาดเล็กกว่า
- สายนำสัญญาณที่มีฉนวนลักษณะใกล้เคียงอากาศมากกว่า เช่น โฟม ที่มีรูปพรุนมากจะมีการสูญเสียน้อยกว่าสายนำสัญญาณที่มีฉนวนเป็นพลาสติก
ในตอนต่อไป (การสูญเสียกำลังในสายนำสัญญาณ (ตอนที่ 2)) เราจะมาดูว่า สายนำสัญญาณแบบไหน สูญเสียเท่าไรกัน สำหรับคราวนี้ ต้องขอ
73 DE HS0DJU (จิตรยุทธ จุณณะภาต) ก่อนครับ พบกันในคราวหน้า ครับ